บทที่ 5 เอกภพ
เอกภพ หรือ จักรวาล (Universe) เป็นระบบที่ใหญ่ที่สุดและไร้ขอบเขต และเป็นห้วงอวกาศที่เต็มไปด้วยดวงดาวจำนวนมหาศาล ซึ่งเราจะเรียกดวงดาวที่เกาะกันเป็นกลุ่มว่า กาแล็กซี และในแต่ละกาแล็กซี ก็จะมีระบบของดาวฤกษ์ กระจุกดาว เนบิวลา หลุมดำ อุกกาบาต ฝุ่นผง กลุ่มก๊าซ และที่ว่างอยู่รวมกันอยู่ ซึ่งก็โลกอยู่ในกาแล็กซีหนึ่ง ที่เรียกกันว่า กาแล็กซีทางช้างเผือก
เอกภพวิทยาในอดีต
- เอกภพของชาวสุเมเรียนและบาบิโลน
- เอกภพของกรีก
- เอกภพของเคปเลอร์
- เอกภพของกาลิเลโอ
ทฤษฎีบิกแบง ( Big Bang Theory )
- การเปลี่ยนแปลงของพลังงานมาเป็นมวลสารของเอกภพ
- ขณะเกิดบิกแบง ได้ปรากฏมีอนุภาคพื้นฐาน ได้แก่ Quark อเล็กตรอน นิวทริโน และ โฟตอน
- หลังเกิดบิกแบง 1 ไมโครวินาที อุณหภูมิของเอกภพลดลงประมาณ 10 ล้านเคลวินและควาร์กรวมตัวกันกลายเป็น โปรตอน และ นิวตรอน
- หลังเกิดบิกแบงได้ 3 นาที อุณหภูมิของเอกภพลดลงไปอีก 100 ล้านเคลวิน และเกิดการรวมตัวกันของ โปรตอนกับนิวตรอนกลายเป็น ฮีเลียม
- เมื่อเวลาผ่านไปประมาณ 300,000 ปี อุณหภูมิของเอกภพลดลงเหลือ 10000 เคลวิน นิวเคลียสของไฮโดรเจนและฮีเลียมดึงอิเล็กตรอนเข้ามาเป็นวงโคจร เกิดเป็นอะตอมขึ้น
หลักฐานสนันสนุน Big Bang
- การขยายตัวของเอกภพ Edwin Powell Hubble พบว่ากาแล็กซีทั้งหลายกำลังเคลื่อนที่ออกจากกัน แสดงว่าเอกภพกำลังขยายตัวซึ่งเป็นผลมาจากการระเบิดครั้งใหญ่
- อุณหภูมิพื้นหลังของเอกภพ ที่ปัจจุบันลดเหลือประมาณ 3 เคลวินมีการค้นพบสัญญาณรบกวนกล้องโทรทรรศน์วิทยุ ค้นพบโดย วินสันและเพนเซียส
อายุของเอกภพ t = 1/H0
รัศมีของเอกภพ R = c x t
กฎฮับเบิล
H0 = 75 km/(sMpc)
กาแล็กซี ( Galaxy )
- คือ ระบบของดาวฤกษ์ หรือเป็นอาณาจักรของดาวฤกษ์
- เกิดหลังจากบิกแบงประมาณ 1000 ล้านปี
- มีสภาพอยู่ได้ด้วยแรงโน้มถ่วงระหว่างดาวฤกษ์กับหลุมดำ
- ระหว่างดาวฤกษ์จะมีกลุ่มแก๊สและฝุ่นละออง เรียกว่า เนบิวลา ( nebula )
- กาแล็กซีของเรามีชื่อว่า กาแล็กซีทางช้างเผือก หรือ Milky Way Galaxy
กาแล็กซีทางช้างเผือก
ประเภทของกาแล็กซี
1. กาแล็กซีปกติ ( regular galaxy ) คือกาแล็กซีที่มีรูปร่างชัดเจน ได้แก่
- กาแล็กซีซีรี ( E )
- กาแล็กซีลูกสะบ้า ( S0 )
- กาแล็กซีกังหัน ( S ) เช่น กาแล็กซีแอนโดรเมดา
- กาแล็กซีกังหันแบบมีคาน ( SB )
2. กาแล็กซีไม่มีรูปแบบ ( Irregular Galaxy ) เป็นกาแล็กซีที่มีรูปร่างที่ไม่แนนอน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น